This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

MG3 ถูกกว่ามือสอง

ขับรถผ่านโชร์รูมMGเปิดใหม่ใกล้ๆบ้านแวะลองของแปลกค่ายCP สะดุดตากับน้องคนสวยนุ่งสั้นสีแดงรูปทรงองค์เอวและสีเป็นอะไรที่ถูกใจมากๆ  ซึ่งราคานี้ส่วนใหญ่จะเป็นรถ ECO Car แต่ MG 3 อยู่ในกลุ่ม B segment เป็นรถใหญ่กว่า Eco Car มีขนาดเครื่องยนต์ 1500 cc  ผมว่ามันก็จะอยู่ในกลุ่ม City/Jazz ,Vios, Mazda2 ,Ford Fiesta, Chevrolet sonic ขนาดห้องโดยสารก็กว้างกำลังดีเลยครับ ผมสูง 170 cm. หนัก 60Kg นั่งได้สบายๆ มากหัวไม่ติดหลังคา ถ้าเป็นตัว Top เบาะที่นั่งคนขับจะปรับได้หกทิศทาง ปรับเลื่อนหน้า หลัง ขึ้นลง และพนักพิงเอนหน้า หลัง จุดขายเลยน่าจะเป็น Sunroofปรับไฟฟ้า ที่ติดมาให้ในตัว Top อีกทั้งยังมี ระบบเปิด ปิดไฟอัตโนมัติและปัดน้ำฝนเหมือนกับรถที่ผมใช้งาน....เรนเจอร์
  MG3ใช้ระบบเกียร์Manual แบบกึ่งAuto หรือเข้าใจแบบง่ายๆมันก็คือเกียร์ Manual ที่ไม่ต้องเหยียบคลัชนั้นเอง

MG เรียกเกียร์แบบนี้ว่า Selematic  Gear  ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ทำไมถึงเรียกแบบนี้ แต่น่าจะมาจาก Select Manual to Automatic Gear คือการเลือกใช้ระหว่าง manual หรือ Auto ได้ ในขณะที่จริงๆมันเป็นระบบแบบเกียร์ manual ครับ (เหมือนมอเตอร์ไซค์ ผมคิดเองนะ)
อารมณ์มันก็ประมาณว่าถ้าคุณใช้ระบบ Auto เวลาเข้าเกียร์ 1 ไป เกียร์ 2 เกียร์จะเปลี่ยนที่รอบประมาณ 2100-2200 รอบ และเวลาที่เปลี่ยนเกียร์จะรู้สึกได้เหมือนเรานั่งรถเกียร์ประปุกนั่นละครับ กล่าวคือ เวลาที่เกียร์มันเปลี่ยน เครื่องมันจะหน่วงความเร็วทำให้เราต้องเอนตัวไปข้างหน้า ตามหลักของความเฉื่อย (เหมือนตอนเบรครถ) และรถจะเร่งความเร็วขึ้นทำให้เราเอนตัวไปด้านหลัง เหตุการณ์ต่อเนื่องกันประมาณ 1 วินาที หลังจากเกียร์เปลี่ยนจาก 1 ไป 2 เราจะรู้สึกได้เลยในการเปลี่ยนเกียร์ตัวจะโยกไปข้างหน้าหลังเบาๆ อาการแบบนี้จะเป็นตอนเกียร์ 1-2-3 หลังจากนั้น 3-4-5 จะไม่รู้สึกแล้วครับ
(อารมณ์ไม่ต่างจากเกียร์ธรรดา)
 มันมี อีก 2 Mode ให้เราเลือก
Mode sport จะลากรอบให้นานขึ้น ก่อนเปลี่ยนเกียร์ มันจะลากรอบไปมากกว่าปกติ
ส่วน Mode winter จะเป็น Mode ไว้ใช้ในกรณีถนนลื่นๆ หรืออาจจะเอามาประยุกต์ใช้ในกรณี รถติดก็ได้ เพราะ เวลาออกตัวมันจะเริ่มออกตัวที่เกียร์ 2 ครับ ลดความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ไปได้เกียร์หนึ่งการเลือกขับแบบ Manual สนุกแบบไม่เมื่อย ไม่ต้องห่วงเรื่องต้องคอยมาเหยีบคลัช และถ้าจับจังหวะดีๆ ความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดครับ เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มขึ้น เนียนขึ้น
ข้อเสียเวลาขึ้นเนินชันๆ อย่างทางขึ้นห้าง เวลาเราเหยียบเบรคไว้ ตอนติดอยู่บนทางขึ้นชัน เมื่อปล่อยเบรครถจะมีระบบช่วยขึ้นทางลาดชันให้อัตโนมัติ แต่ถ้าเราแตะเบรคและปล่อยอีกครั้ง ต้องรีบเหยียบคันเร่งครับ ไม่งั้นรถจะไหล พูดง่ายๆก็คือ ถ้าจะขึ้นเนินต้องขึ้นยาวๆเพราะมันเหมือนเกียร์ธรรมดานะครับ มีช่วงจังหวะเปลี่ยนเกียร์รถจะไหล พอให้ได้ตกใจครับ ต้องฝึกจับจังหวะให้ดีครับ จะไม่มีเกียร์ P นะครับ การจะเข้าเกียร์ P จะทำได้โดยการเข้าเกียร์ว่าง N และดึงเบรคมือช่วยครับ โดยเกียร์มันจะมีแค่ N D R และ+/- เพื่อปรับเกียร์แบบ manual เพราะมันเป็นเหมือนรถเกียร์ Manual
   วัสดุภายในรถอาจจะดูไม่หรูหรามากนัก เพราะทาง MG เอาไปใส่กับระบบความปลอดภัยของรถซะมากกว่า ทั้งระบบเบรค ระบบทรงตัวในทางโค้ง ระบบกันล้อลื่น และระบบอื่นๆ MG3 ด้วยราคาห้าแสนกว่าๆ กับระบบเหล่านี้ที่ได้ ถือว่าคุ้มกับเงินที่จะจ่าย รถยนต์ยี่ห้อMG นี้ได้รับมาตรฐานการทดสอบการชนอยู่ที่ระดับสามดาวครึ่ง ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับค่ายรถนะครับ....มันเป็นแค่การทดลองขับช่วงเวลาสั้นๆของคนชอบลอง 

 ผมอยากแนะนำน้องๆว่ามีเงินเดือน10,000 บาท ก็ผ่อนสบายๆดีกว่าจะทนส่งค่างวดแพง

New Fortuner 2.8 VS 2.4 จะเลือกคันไหน

 New Fortuner 2.8 VS 2.4

 

  จะเลือกคันไหนดี   ชอบคันไหนก็จัดไป ส่วนผมเครื่องยนต์ 2400 cc มันแบกน้ำหนักเกินตัว ไม่ถึงกับอืด ขับไป ตจว ที่ความเร็ว 130 ขึ้นไป เสียงเครื่องยนต์จะเริ่มหอน อัตราสิ้นเปลิองใช้ในเมือง 100 กม.อยู่ที่ 11.50กม ตจว ประมาณ 652 กม. อยู่ที่ 14.57 กม.ซึ่งโดยส่วนตัวถือว่ารับได้ ถ้าใครจะซื้อ แนะนำ 2800 เพิ่มเงินค่างวดอีกนิดหน่อย จะได้ความแรงเพิ่มขึ้น ไหนๆก็เปรียบเทียบแล้วขอขยายความอีกนิดหนึ่ง
New Fortuner 2015 2.8V กับ Mu X 3.0 4x4 ปี 2014 ผมว่าMuจะมีอาการโคลงกว่า Fortuner มากช่วงล่างนิ่มจนย้วย เวลาเบรกหน้าจะทิ่มด้วยอาการนุ่ม เสี่ยงเครื่องเวลากดคันเร่งดังมากกว่า ข้างนอกความดังของเครื่องสูสีกันจอดเทียบกัน แต่ถ้า Fortuner เก่ามาก็ไม่แน่อาจจะดังมากกว่าก็ได้ แต่ถ้าเอาความคุ้มค่า Mu X ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเปลี่ยนโช๊คใหม่งบประมาณ 25,000 อาการข้างต้นจะหายไป
ส่วนเรื่องเบาะหน้าผมว่า Fortuner เทียบกับปาเจโร่ ใหม่ ที่ไปลองนั่งมาผมว่าแอบสูสี แต่กับเอเวอเรสผมว่า เอเวอเรสสบายกว่า ออฟชั่นหลากหลายกว่ามาก
เรื่องไฟหน้ารถ ที่ก้านไฟเลี้ยวมีสวิตไฟหน้าให้หมุนไป off on auto ไฟหรี่ถ้าไม่ใช่มันทำงาน Auto บิดไปตำแหน่ง off แล้วแต่ความชอบส่วนตัว
  ส่วนเรื่องพละกำลัง ตัว 2.4 ผมรู้สึกว่ารอบต้นรอบกลางก็โอเค พอได้ครับ  แต่ลากรอบมากๆแล้วก็ไม่เหมาะกับตัวรถขนาดนี้สำหรับคนที่ไม่คิดมากเรื่องอัตราเร่งขับไปเรื่อยๆผมเชื่อว่าเพียงพอต่อการใช้งานครับ การเร่งแซงมีลุ้นนิดๆ แต่เครื่องทอร์คมาไวมากครับ 1,500 รอบก้รู้เรื่องแล้วครับ แต่ถ้าชอบขับรถเร็ว ชอบเครื่องแรงๆ ถ้าจะเอา Toyota Fortuner ก็ไป 2.8 ครับ เพียงพอ เสียงเงียบด้วย แต่ชอบความแรงจริงๆผมขอแนะนำคุณไป New Everest 3.2 เลยครับ อันนี้แรงจริง
 ช่วงล่าง นุ่มขึ้นมากแล้วครับถ้าเทียบกับตัวเก่า ช่วงล่างหน้าผมว่าOK หลังยังแอบดิ้น แอบกระด้างนิดหน่อย แต่ผมว่าดีครับดี
 ถ้าชอบรถที่ไม่จุกจิก ดูแลรักษาง่าย ตอนนี้ Fortuner ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ออฟชั่นที่มีก็เพียงพอ ถุงลม 7 ลูก

ISUZU D-max 1.9Ddi Blue Power มีดีพอไหม

 ISUZU D-max 1.9Ddi Blue Power มีดีพอไหม

 เครื่องยนต์ตัวใหม่ดีเซล 1.9 ลิตร RZ4E-TC DDi Blue Powerกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาทีแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ด้านหน้ามีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเลยคือชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ฮาโลเจนธรรมดา พร้อมกับไฟ DRL แบบLED รวมอยู่ในโคมเดียวกัน(แอบคิดว่าจะเป็น xenon แต่พอเปิดตัวแล้วกลับเป็น halogen ธรรมดาๆ) ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ผมว่าหล่อกว่าตัวเดิมเยอะเลย
  เข้าไปดูในรถบ้าง เบาะเป็นเบาะหนังส่วน เบาะฝั่งคนขับนั้นปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางและเบาะข้างคนขับยังปรับแบบปรับมือ4ทิศทาง เบาะรองนั่งไม่ยาวไม่สั้นเกินไป รองรับต้นขาได้ดี
    เกียร์นั้นเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6สปีด มีโหมด +-ให้เล่นด้วย การตอบสนองของเกียร์ถือว่าใช้ได้ครับ จะมีบางจังหวะที่เปลี่ยนเกียร์กระตุกเล็กน้อย

  แผงคอนโซลหน้ารถเหมือนเดิมกับรุ่นที่แล้วเพียงแต่เปลี่ยนหน้าจอจากเดิม 7 นิ้วมาเป็น 8 นิ้วครับ การตอบสนองของหน้าจอถือว่าใช้ได้ดีไม่หน่วง
สรุปจากการที่อยู่ด้วยกันมา สองชั่วโมง
  •    เครื่องยนต์ 1.9 ตัวนี้ทำได้ดีไม่อืดอย่างที่คิด อาจจะไม่ได้แรงกว่า 2.5 เดิม แต่เน้นประหยัดน้ำมัน
  •    เกียรือัติโนมัติลูกใหม่ 6 จังหวะ เปลี่ยนเกียรืนุ่มนวล แต่มีบางจังหวะที่กระตุกนิดๆ แต่ก็ถือว่าทำมาได้ดีครับ
  •    เบรค ตามฉบับ ISUZU ครับ เบรคลึก แต่ข้อดีคือ เบรคได้นุ่มนวลไม่หน้าทิ่ม
  • เบาะนั่ง จุดนี้ผมว่า เบาะรองนั่งแน่นเกินไปมีนุ่มนิดๆ นั่งแล้วตัวเบาะไม่สบายเหมือนรถที่บ้านอย่าง dmax super-platinum รายนั้นเบาะนิ่มมากๆ
  • ช่วงล่าง ถ้าเทียบกับ dmax super-platinum แล้ว ตัวใหม่จะแข็งขึ้นนิดๆ แต่ก็ถือว่านุ่มนิ่มตามฉบับอีซูสุ วิ่งเร็วๆมีเสียวนิดๆ นั่งแล้วเมารถน้อยกว่าตัวเดิม
  • อันนี้แปลกมากกกก คือสตาร์ทรถแล้วยืนฟังอยู่ข้างนอก คิดในใจ เฮ้ยนี่ใช่isuzu รึเปล่าวะ ทำไมเครื่องมันเงียบจัง เงียบลงกว่า 2.5เดิมมากๆ
  • การเก็บเสียงเหมือนเดิมครับ วิ่งไม่เกิน 80 ยังเงียบ แต่ถ้าเกินกว่านั้นเสียงลมเริ่มมา ซึ่งผมมองว่ามันดังเกินไปหน่อย
ถ้ารัก ISUZU D-max 1.9Ddi Blue Power มันเป็นตัวเลือกที่ใช่

เงินเดือน10,000บาท มองหารถใช้งาน



 Nissan sunny neo อีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหารถมือสองดีๆใช้สักคันราคาเบาๆ Nissan sunny neo 1.6 ภายในรถดูดีมีสกุล เครื่องยนต์ถือว่าดีความคิดผมนะถ้านั่งในรถนึกว่าเครื่องดับ เพราะรถรุ่นนี้คนใช้งานจะมีอายุนิสหนึ่ง(ต้องใช้เวลาในการค้นหา)รถเงียบและนิ่งมาก

ขับวนๆรอบเต็นท์ดู รถนิ่มดีมาก พวงมาลัยไวไปนิด แต่ถ้าขับเร็วๆจะ มีอาการร่อนๆไป
 คำถามคือ มันอืดไหม บอกเลยคับถ้าเทียบกับรุ่นอื่นอืดกว่ามากผมขับซิตี้ของเพื่อนและที่บ้านมี เรนเจอร์2.2เทอร์โบ กดเป็นมา
แต่ ถ้าเรารู้จังหวะรถ ก็ไม่ได้อืดมากมาย 
คงไม่เหมาะสำหรับขาซิ่งสำหรับเรื่องกินน้ำมัน คงไม่ใช่ปัญหามองหารถที่ติดแก็สมาแล้วก็ได้ รถสภาพสวยๆราคาไม่น่าเกิน 200,000บาท ผมว่าดีกว่าขับ วีออสมือสอง อันนี้แล้วแต่ความชอบไม่ได้เจาะจงว่าคุณจะชอบเหมีอนผม...มือสองมันก็คือมือสอง

วิธีเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะกับผู้ใช้


   การเลือกใช้ยางจึงต้องมีเทคนิคเพื่อความเหมาะสม ซึ่งผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายท่านโดยเฉพาะคุณผู้หญิงอาจไม่มีความรู้ด้านการ เลือกและการดูแลยางรถยนต์เท่าไรนัก มีรถก็ใช้ขับไปเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกทียางรถโล้นไปเสียแล้ว วันนี้ผมมีวิธีการเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถยนต์ ผนวกไปกับการดูแลยางรถยนต์ง่ายๆ มาฝากครับ
ขนาดของยาง

   ยางสำหรับรถยนต์นั่งทั่วไปจะมีขนาดบอกไว้บนแก้มยาง ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เช่น 195/60R15 ถ้าเปลี่ยนเป็นยางขนาดเดิมก็เลือกเพียงยี่ห้อหรือรุ่นที่ต้องการเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มทั้งการเกาะถนน และเพิ่มความสวยงามด้วยการเปลี่ยนขนาดล้อและบางให้ใหญ่ขึ้นโดยไม่เปลี่ยนกระทะล้อ ก็อาจเพิ่มความกว้างของยางขึ้นอีก 10 มิลลิเมตร หรือสูงสุดไม่เกิน 20 มิลลิเมตร โดยทุกๆ 10 มิลลิเมตรของความกว้างที่เพิ่มขึ้น ต้องลดความสูงของแก้มยางลง 5 ซีรีส์ เพื่อให้ยางที่เปลี่ยนใหม่มีความสูงใกล้เคียงยางเดิม
การดูแลรักษายางรถยนต์
   การทำให้ยางมีความสมดุลกันหรือถ่วงล้อ
สังเกตว่าล้อรถของคุณติดตุ้มถ่วงล้อลงบนยางรถหรือไม่ เพราะน้ำหนักของตุ้มนี้เหล่านี้จะทำให้ยางมีหน้าสัมผัสเท่ากัน ถ้าพบว่ามันสั่น อาจต้องรีบไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อ หรือนำรถส่งช่างเพื่อตรวจเช็ค
  มั่นใจว่าล้ออยู่ในสภาวะสมดุล
การปรับให้สมดุลของล้อทั้ง 4 ให้อยู่ในระดับเดียวกัน ช่วยให้คุณมั่นใจว่ารถสามารถวิ่งได้อย่างราบรื่น และช่วยให้งานทำงานเข้ากันได้ดี อีกทั้งสร้างสมดุลให้กับรถยนต์ได้ แต่ถ้ารถที่คุณใช้เป็นแบบ 4 ล้ออิสระจากกันจะต้องมีการปรับตั้งทุกล้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งล้อคู่หน้า การปรับตั้งความสมดุลเป็นตัวหลักในการกำหนดอายุของยาง และทำให้การทำงานของรถยนต์ประสานกันได้ดี คุณต้องตรวจยางปีละสองครั้ง เมื่อไรก็ตามที่ดอกยางของล้อไม่สม่ำเสมอ หรือขับรถแล้วไม่ตรงทางเป็นการกินเลนด้านซ้ายหรือขวาแสดงว่าถึงเวลาที่ควรจะตรวจสอบยางได้แล้ว
   สลับยาง
ขั้นตอนนี้ต้องทำบ่อยกว่าขั้นตอนอื่นอยู่สักหน่อย เพื่อที่จะให้ยางอยู่ในรูปทรงที่ดีนานทีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บริษัทยางส่วนใหญ่จะบอกให้ทำการสลับยางทุกๆ 10,000 กม. โดยประมาณ สำหรับรถที่ไม่ได้ขับบ่อยๆหรือรถขับเคลื่อนล้อหน้า เราแนะนำว่าควรสลับยางทุกๆ 15,000 กม. เป็นอย่างน้อย ควรตระหนักอยู่เสมอว่ายางประเภทต่างๆใช้ระยะเวลาในการสลับยางต่างกัน ควรดูจากคู่มือรถประกอบ
ดอกยาง
ดอกยางสำหรับรถยนต์นั่ง แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ เน้นความนุ่มนวลและมีเลียงรบกวนน้อย ดอกยางจะละเอียด ร่องยางแคบและถี่เพราะเน้นการรีดน้ำหรือฝุ่น ทราย สามารถสะบัดออกด้านข้างได้เร็วและมากที่สุด ส่วนยางที่เน้นการเกาะถนน ประเภทรถสปอร์ต ดอกยางจะมีลักษณะเป็นก้อนใหญ่ ร่องยางกว้างและอยู่ห่างกัน เพื่อเก็บน้ำที่ถูกรีดออกจากหน้ายาง เวลาขับบนทางเรียบแห้งจะมีเสียงดังกว่ายางในกลุ่มแรก หากรถของคุณเป็นประเภทออฟโรดลุยโคลน หิน หรือวิบาก ดอกยางควรบั้งใหญ่ ร่องห่าง เน้นการสลัดโคลน หิน น้ำ แต่ราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียวครับ มาถึงขั้นนี้ก็แล้วแต่ใจจะปราถนา.......

Soluna ปี 97 ติดแก็สจะดูแลอย่างไรดี


เอาใจสายรถเก่าToyota soluna ปี 97

 มีหลายคนนิยมรถเก่าหรือเอาคันเก่าที่มีอยู่แล้วมาใช้งานหลังจากปล่อยให้นอนพักผ่อนมานาน นึกเสียดายของโบราณเพราะขายเป็นมือสองไม่ต่างจากขายเศษเหล็กยิ่งToyota soluna และติดแก็สด้วยราคาขายถูกแสนถูก จะเอารถคันนี้มาใช้งานจะต้องดูแลกันอย่างไรผมขอแนะนำง่ายๆคุณผู้หญิงสามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง

รถเก่า ไม่ค่อยได้ใช้ดูแลง่ายๆตามนี้เลยครับ

ขอบคุณเจ้าของภาพ
-น้ำมันเครื่องใช้เกรดธรรมดาราครเบาๆเปลี่ยนทุก 6 เดือนก็ได้
-น้ำมันเกียร์ถ่ายปีละครั้งก็ได้
-น้ำมันเบรคอย่าเติมเอง ถ้าน้ำมันต่ำกว่าขีดแสดงว่าผ้าเบรคหมดครวเช็คผ้าเบรค(เข้าอู้นะครับ)
-น้ำยาหม้อน้ำถ่ายปีละครั้ง หรือ2 ปีครั้งก็ได้
-ท่อยางหม้อน้ำ ถ้าแข็งกรอบก็เปลี่ยน อาจจะใช้ได้อีก3-5 ปี
-สายพานหน้าเครื่อง ดูว่าแตกลายงามั้ย ถ้าไม่แตก  ก็ใช้งานได้
-ยางพยายามเติมแข็งกว่าเดิม 2-3 ปอนด์
-แบตเตอรี่อาจจะอยู่ได้ 2 ปีเพราะระบบไฟมันเก่าอาจมีรั่วไหลออกนอกระบบบ้าง
มันเป็นแค่แนวทางถ้าใครจะทำมากกว่านี้ผมก็ไม่ว่าเพราะรถใคร.....รถคุณนะครับ

Ford Raptor

Ford Raptor